ที่ท่าเรือยอดพิมานต์ สถานที่จุดเริ่มต้นในการล่องเรือเจ้าพระยาไปกับ Theicity เมื่อมองไปยังฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำเจ้าพระยา จะพบพระปรางค์สูง เมื่อเมื่อเป็นช่วงเวลายามเย็นก็จะเห็นดวงอาทิตย์สาดแสงอยู่เบื้องหลัง ทำให้มองดูเหมือนโอบอุ้มพระปรางค์ไว้ ให้ทรงมีสง่า เป็นที่สะดุดตาต่อผู้คนที่ได้พบเห็น

พระปรางค์วัดอรุณฯ

วัดอรุณฯ หรือที่นิยมเรียกกันติดปากว่า "วัดแจ้ง" เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก และเป็นหนึ่งในสี่วัด ที่ทรงบรรดาศักดิ์เป็น "ราชวรมหาวิหาร" อันได้แก่ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม วัดมหาธาติยุวราชรังสฤษดิ์ วัดสุทัศน์เทพวราราม และวัดอรุณราชวราราม

วัดอรุณฯนั้นมีสถานที่หรือแหล่งท่องเที่ยวให้ได้ศึกษาอยู่มากมาย และหนึ่งในนั้นก็ได้แก่ พระปรางค์ ซึ่งจะตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก อยุ่แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร

พระปรางค์วัดอรุณองค์นี้ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงมีพระราชปรารภสร้างพระปรางค์ ต่เดิมสร้างสูง 16 เมตร ให้มีความสูงเพิ่มขึ้นไปอีก เพื่อให้เป็นศรีแก่พระนคร แต่พอทรงได้กำหนดแผนผังที่จะจัดสร้างในปี พ.ศ. 2363 ได้รื้อพระปรางค์องค์เดิม และขุดวางรากฐานบ้างแล้ว ก็ทรงเสด็จสวรรค์คตเสียก่อน พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ดำเนินการสร้างพระปรางค์ต่อ และทรงเสด็จราชดำเนินวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2385 พอดำเนินการสร้างกระทั่งถึงยกยอดนภศูล และพระมหามงกุฏไว้บนยอด แต่ยังไม่ได้จัดงานเฉลิมฉลองก็สิ้นรัชกาลเสียก่อน ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้จัดงานฉลองโดยสังเขป และต่อมาในปี พ.ศ. 2452 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์พระปรางค์ ถมลานให้สูงขึ้นและทำรั้ว และทรงโปรดฯให้จัดงานฉลองและทรงสถาปนาวัดอรุณราชวราราม ขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกอันดับหนึ่ง โดยทรงเสด็จพระราชดำเนินมาทอดผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหมาตรตราทางชลมารคเป็นครั้งแรก

องค์พระปรางค์มีสัดส่วนที่สวยงาม สูง 81.85 เมตร วัดรอบฐานได้ 234 เมตร ประกอบด้วยพระปรางค์เล็กตั้งล้อมอยู่ 4 ทิศ จากยอดพระปรางค์ลงมาหาฐาน มีสิ่งต่างๆ ประกอบขึ้นเป็นองค์ ดังต่อไปนี้

• พระมหามงกุฏ
• นภศูล
• พระนารายณ์แบก
• พญาครุฑแบก

บริเวณซุ้มยอดพระปรางค์ ประจำทิศทั้ง 4 ทิศ มีรูปพระอินทร์ ทรงช้างเอราวัณอยู่ภายในทิศทั้ง 4 กำแพงแก้ว กั้นฐานทักษิณ มี 3 ชั้น ชั้นบนมีรูปเทวดาแบก ชั้นที่ 2 มีรูปปั้นพญากระบี่ (ลิง) แบก ชั้นที่ 3 มีรูปปั้นยักษ์แบก ตรงฐานมีซุ้มบรรจุตัวกินนร รูปปั้นติดผนังโดยรอบ พระปรางค์เล็กทั้ง 4 ทิศ เป็นเครื่องประดับพระปรางค์องค์ใหญ่ ภายในมีรูป พระพรายทรงม้าขาว เชิงบาตร มีรูปยักษ์และกระบี่แบกสลับกัน และในซุ้มล่าง บรรจุตัวกินนร ปูนปั้นติดผนังโดยรอบ ส่วนพระมณฑปประจำทิศ ก็มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูป ปางประสูตร ปางสมาธิ ปางมารวิชัย และปางเสด็จปรินิพพาน

พระปรางค์ทั้งองค์ใหญ่และเล็ก รวมไปถึงพระมณฑปตกแต่งด้วย เครื่องกระเบื้องเคลือบ มีลวดลายที่ทำสำเร็จแล้วจากประเทศจีน เนื่องจากในรัชสมัย รัชกาลที่ 4 ทรงติดต่อค้าขายกับจีน บางส่วนเลาะจากถ้วยชามในประเทศ ถ้วยชามจะยังคงมีรูปเดิมอยู่บ้าง และเลือกเปลือกหอยสีต่างๆ เรียงติดเข้าเป็นลวดลายรูปต่างๆ และพระปรางค์องค์นี้ ได้รับการบูรณปฏิสังขรครั้งใหญ่ เมื่อ พ.ศ. 2510 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช องค์ปัจจุบัน