สนามบินสุวรรณภูมิ
สนามบินมิวนิค – จัตุรัสมาเรียนพลาสท์ – เข้าชมปราสาทนอยชวานสไตน์ – ฟุสเซ่น (เยอรมัน)
จากนั้นรถโค้ชรอรับท่านเดินทางสู่ตัวเมืองมิวนิค Munich อยู่ทางใต้ของประเทศเยอรมนี และเป็นเมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย ยังเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ (รองจากเบอร์ลินและฮัมบูร์ก) และเป็นหนึ่งในเมืองมั่งคั่งที่สุดของยุโรป ซึ่งมีพรมแดนติดเทือกเขาแอลป์ โดยรัฐบาวาเรียเคยเป็นรัฐอิสระปกครองด้วยกษัตริย์มาก่อน ก่อนที่จะผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเยอรมนี จึงมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม และอาหารอันเลื่องชื่อ ซึ่งได้แก่ ไส้กรอกเยอรมัน ขาหมูทอด เพรทเซล และเบียร์ ระหว่างทางพาท่านแวะเก็บภาพสวยๆ กับสนามฟุตบอลอัลลิอันซ์อรีนา Allianz Arena สนามเหย้าทีมฟุตบอลดังบาเบิร์นมิวนิค ทีมยักษ์ใหญ่ขากบุนเดสลีกา ซึ่งสนามแห่งนี้จุผู้ชมได้ถึง 75,000 คน ใหญ่เป็นดันดับ 2 ของประเทศเยอรมัน ด้วยทุนสร้างกว่า 340 ล้านยูโร จากนั้นเก็บภาพเพิ่มเติมกับพระราชวังนิมเฟนบวร์ก Nymphenburg Palace พระราชวังฤดูร้อนแห่งราชวงศ์บาวาเรียมาหลายศตวรรษ ตัวพระราชวังได้รับการออกแบบและตกแต่งแบบผสมผสานในสไตล์ฝรั่งเศสและอังกฤษ จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในศูนย์รวมแบบอย่างงานศิลป์ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป จัดเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คยอดนิยม และเก็บภาพกับอุทยานโอลิมปิก Olympic Park สถานที่ที่เคยใช้จขัดมหกรรมโอลิมปิกฤดูร้อนในปี ค.ศ.1972 เมื่อเสร็จสิ้นมหกรรม อุทยานแห่งนี้ถูกใช้เป็นสวนสาธารณะตลดจนสถานที่จัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมและสังคมต่างๆ ซึ่งมีพื้นที่กว่า 530 ไร่ นำชมจัตุรัสมาเรียนพลาสท์ Marienplatz ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์และธุรกิจของนครมิวนิค บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมืองที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่งดงามซึ่งสร้างขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ใช้เวลาสร้างถึง 42 ปี มีหอระฆังสูง 85 เมตร ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวรอคอยเฝ้าชมตุ๊กตาไขลานที่จะออกมาเต้นรำ เมื่อนาฬิกาตีบอกเวลา 11.00 น. และ 17.00 น.
ฟุสเซ่น-เข้าชมพิพิธภัณฑ์ Swarovski - อินส์บรูค
นำท่านเดินทางสู่เมืองวัตเท่นส์ (Wattens) เข้าชม Swarovski Kristallwelten ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์คริสตัลสวารอฟสกี้สินค้าที่มีชื่อเสียงของประเทศออสเตรีย โดยตัวอาคารนั้นมีการตกแต่งทั้งภายในและภายนอกจากศิลปินที่มีชื่อระดับโลก และมีจำหน่ายทั้งผลิตภัณฑ์เครื่องประดับต่างๆ ,นาฬิกา หรือ ของใช้ ที่มีการออกแบบตกแต่งด้วยสวาร็อฟสกี้อย่างหรูหราและลงตัว ให้ท่านได้เพลินเพลินกับการชมคอลเล็กชั่นต่าง ๆ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน และเลือกซื้อคริสตัลกลับไปเป็นของฝากในราคาโรงงาน นำท่านออกเดินทางสู่เมืองอินส์บรูค (Innsbruck) เป็นเมืองหลวงของแคว้นทีโรล เป็นเมืองเอกด้านการท่องเที่ยวของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอิน ซึ่งคำว่าอินส์บรูคนั้น แปลว่า สะพานแห่งแม่น้ำอิน มีลักษณะแคบๆแทรกตัวอยู่ระหว่างเทือกเขาแอลป์
อินส์บรูค - เบิร์ชเต็ทกาเด้น - เหมืองเกลือโบราณ - ทะเลสาบโคนิก - ซาลส์บวร์ก
นำท่านเข้าชมเหมืองเกลือเก่าเมืองเบิร์ชเทสการ์เดน (Berchtesgaden Salt Mine) เป็นเหมืองเกลือที่ถูกสร้างตั้งแต่ ค.ศ. 1517 ซึ่งในสมัยอดีต เหมืองเกลือ เป็นสถานที่ต้องห้ามของบุคคลทั่วไป เนื่องจากเกลือมีค่าจนได้ชื่อว่าเป็นทองคำขาว นำท่านนั่งรถรางลอดอุโมงค์ยาว 700 เมตร ไปยังถ้ำเกลืออันระยิบระยับ และทะเลสาบใต้ภูเขาที่งดงามด้วยแสงเสียง บรรยากาศราวกับอยู่ในเหมืองจริงเมื่อ 500 ปีก่อน ภายใต้อุณหภูมิ 12 องศาเซลเซียส ชื่นชมในความเก่าแก่ของเมืองเกลือโบราณ ซึ่งปัจจุบันยังคงได้รับการบำรุงรักษาเอาไว้เหมือนดังเช่นในอดีตทุกประการ นำท่านเดินทางสู่ทะเลสาบโคนิก (Konigssee Lake) ตั้งอยู่ทางตอนใต้เมืองเบิร์ชเทสการ์เดน (Berchtesgaden) เมืองที่ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 6 เมืองสวยเส้นทางGerman Alpine Road เป็นทะเลสาบที่มีความลึกที่สุดและเป็นทะเลสาบที่ได้ชื่อว่านำใสที่สุดในเยอรมนี แหล่งกำเนิดมาจากการละลายของหิมะบนยอดเขา มีความยาวประมาณ 8 กิโลเมตร และมีความกว้างประมาณ 1.25 กิโลเมตร โดยทะเลสาบตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 602 เมตร ลึกเฉลี่ย 150 เมตร ส่วนที่ลึกที่สุดประมาณ 200 เมตร ปัจจุบันทะเลสาบโคนิก ได้รับการขนานนามว่าเป็นดินแดนแห่งฟยอร์ดที่มีความงดงามที่สุดในประเทศเยอรมนี และในเขตเทือกเขาแอลป์
ซาลส์บวร์ก - ขึ้นรถไฟฟันเฟืองสู่ป้อมปราการโฮเฮนซาลส์บวร์ก - ฮัลสตัท - เซนท์วูล์ฟกัง
นำท่านเดินทางขึ้นรถไฟฟันเฟือง (Funicular) เพื่อขึ้นสู่จุดชมวิวโฮเฮนซาลส์บวร์ก จุดชมวิวแห่งนี้จะอยู่หน้าป้อมปราการโฮเฮนซาลส์บวร์ก เป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดของเมืองและสามารถมองเห็นเมืองซาลส์บวร์กที่มุมสูงได้ทั้งเมือง หลังจากนั้นนำท่านเข้าชม ป้อมปราการโฮเฮนซาลส์บวร์ก (Hohensalzburg) เป็นป้อมปราการกึ่งปราสาท เริ่มก่อสร้างใน ค.ศ. 1077 และมีการต่อเติมขยายขนาดเรื่อยๆ จนถึงปี ค.ศ. 1519 สร้างอยู่ที่ระดับความสูง 506 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นสถาปัตยกรรมยุคกลางที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีสภาพสมบูรณ์ที่สุดในทวีปยุโรป ในอดีตใช้เป็นที่พำนักหลวงและป้องกันข้าศึกของเจ้าชายบิชอป อาร์คบิชอปเกบฮาร์ด (Erzbischof Gebhard) ภายในมีทั้งตำหนักใหญ่ , คุกใต้ดิน ,ห้องทรมานนักโทษ และศิลปะงานไม้แกะสลักลวดลายโกธิกซึ่งประดับอยู่ตามผนัง ปัจจุบันได้ถูกพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของเมืองซาลส์บวร์ก
เซนท์วูล์ฟกัง - เมลค์ - ห้องสมุดเมืองเมลค์ - บราติสลาวา
นำท่านเดินทางสู่เมืองเมลค์ ( Melk ) ทางตอนเหนือของกรุงเวียนนา อีกหนึ่งเมืองเล็กๆที่สวยงานมีประชากรเพียง 5 พันกว่าคน เป็นที่ตั้งของปราสาทแอบบี เมลค์ ที่งดงามยิ่ง ให้ท่านได้เดินเล่นในเมืองที่สงบและสวยงาม ยังมีร้านขนมปังที่มีอายุเก่าแก่กว่า 400 ปี อีกด้วย นำท่านเข้าชมห้องสมุดสำนักสงค์เมลค์แอบบีย์ (Melk Abbey) ที่อลังการและวิจิตรการตา โดยตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือแม่น้ำดานูบ สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1089 อดีตปราสาทของขุนนางชั้นสูง
บราติสลาว่า - OUTLET - บูดาเปสท์ - ล่องเรือชมแม่น้ำดานูบ
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ Mc Arthur Glen Designer Outlet in Parndorf ให้เวลาท่านได้อิสระช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมมากมาย อาทิ เช่น GUCCI, BALLY, HUGO BOSS, BENETTON, BURBERRY, CALVIN KLEIN, CROCS, GEOX, GUESS, LACOSTE, NIKE, OAKLEY, DIESEL และอื่นๆอีกมากมาย
บูดาเปสท์ - ป้อมชาวประมง - เวียนนา-ชมเมืองเวียนนา เก็บภาพโบสถ์เซ้นต์สตีเฟ่น-พระราชวัง ฮอบสบวร์ก-ช้อปปิ้งถนนคาร์ทเนอร์-สนามบินเวียนนา
นำท่านชมบริเวณ CASTLE HILL ซึ่งเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมโบราณอันทรงคุณค่า ถ่ายรูปด้านนอกของอาคารพระราชวังโบราณ และชมบริเวณรอบนอกโบสถ์แมทเธียส (Matthias Church) ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่จัดพิธีสวมมงกุฎให้กษัตริย์มาแล้วหลายพระองค์ ชื่อโบสถ์มาจากชื่อกษัตริย์แมทเธียส ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถมาก และยังเป็นกษัตริย์ผู้ทรงสร้างสิ่งก่อสร้างที่งดงามในเมืองหลวงต่างๆ อีกมากมาย ตัวโบสถ์สร้างแบบสไตล์นีโอ-โกธิค หลังคาสลับสีสวยงามอันเป็นจุดเด่นที่สุดในศตวรรษที่ 15 ถัดจากโบสถ์เป็นอนุสาวรีย์ของพระเจ้าสตีเฟ่นที่ 1 พระบรมรูปทรงม้า ผลงานประติมากรรมที่งดงามแห่งศตวรรษที่ 11 ตั้งอยู่ทางด้านหน้า ป้อมชาวประมง (Fisherman’s Bastion) จุดชมวิวเหนือเมืองบูดาเปสต์ที่ท่านสามารถชมความงามของแม่น้ำดานูบได้เป็นอย่างดี ป้อมแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1905 โดยกลุ่มชาวประมงฮังกาเรียน นำท่านเดินทางสู่ กรุงเวียนนา(Vienna) เมืองหลวงประเทศออสเตรีย นั่งรถชมถนนสายวงแหวน Ringstrasse ที่แวดล้อมไปด้วยอาคารอันงดงามสถาปัตยกรรมเก่าแก่ ผ่านชมโรงละครโอเปร่า ที่สร้างขึ้นในระหว่างปี ค.ศ.1863-1869 แต่ตัวอาคารได้ถูกทำลายไปในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และเปิดใหม่อีกครั้งในปีค.ศ.1955, ผ่านพระราชวังฮอฟเบิร์ก Hofburg Palace ซึ่งเป็นกลุ่มอาคารที่เคยเป็นที่ประทับของราชสำนักฮัปสบูร์ก มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 จนถึงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 จากนั้นนำชมบริเวณรอบนอกโบสถ์สเตเฟ่นส์ St. Stephen’s Cathedral สัญลักษณ์ของกรุงเวียนนา เป็นทั้งผลงานศิลปะเชิงศาสนา และเป็นโบสถ์ที่สำคัญที่สุดของออสเตรีย โดยมหาวิหารเซนต์สตีเฟ่นสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1147 เพื่ออุทิศแด่นักบุญสตีเฟ่น โดยสร้างตามสถาปัตยกรรมยุโรปแบบโกธิค (Gothic) และ โรมานเนสก์ (Romanesque) ในอดีตมหาวิหารแห่งนี้ยังเคยเป็นที่พำนักของอาร์ชบิชอปแห่งกรุงเวียนนา ตัวโบสถ์มีขนาดใหญ่ ทรงสูง มีหอคอยที่โดดเด่นสูง 137 เมตร มีหลังคาที่เป็นเอกลักษณ์ด้วยหลังคามุงกระเบื้องเคลือบกว่า 230,000 แผ่น และมีโมเสคเรียงเป็นภาพสะดุดตารูปนกอินทรีสองหัวอันสวยงามโดดเด่น
สนามบินสุวรรณภูมิ