Support
รวมโปรล่องเรือเจ้าพระยา Dinner Cruise
094-9716464
Your shopping cart
ดูตะกร้าสินค้าของคุณ
ไม่มีสินค้าในตะกร้าของคุณ

ตลาดคริสมาสต์จุกๆ สตราสบูร์กถูกใจ สวิตเซอร์แลนด์ – เยอรมนี - ฝรั่งเศส 8วัน 5คืน โดยสายการบิน Emirates (EK) -

  • ทัวร์ : Europe [ ยุโรป ]
  • เที่ยวเมือง : Colmar (กอลมาร์)
  • สายการบิน : Emirates
  • รหัสโปรแกรม : T10450
  • Code : GO3ZRH-EK013
  • ประเภททัวร์ : ทัวร์ต่างประเทศ
  • ระยะเวลา : 8 วัน 5 คืน

ราคาเริ่มต้นที่ ฿89,900

ไฮไลท์ทัวร์ Highlight

ซูริค – น้ำตกไรน์ - ป่าดำ - ไฟร์บูร์ก - ริคเควียร์ - กอลมาร์ - สตราสบูร์ก - ซุก – ลูเซิร์น - เบิร์น - ขึ้นสู่ยอดเขาจุงเฟรา – อินเตอร์ลาเคน - มองเทรอซ์ - โลซานน์ – เซอร์แมท - โกล เดอ ปิ ยง - ขึ้นสู่ยอดเขากลาเซียร์ 3000 - เจนีวา

ระยะเวลาเดินทาง

จำนวนที่นั่ง

ราคาเริ่มต้น

สถานะ

04 ธ.ค. - 11 ธ.ค.

35

89,900

รายละเอียดโปรแกรม
วันที่ 1

กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ)

23.30 น. คณะพร้อมกัน ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศสายการบิน Emirates (EK) โดยมีเจ้าหน้าที่คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
วันที่ 2

ดูไบ - ซูริค – น้ำตกไรน์ - ป่าดำ - ไฟร์บูร์ก

02.50 น. ออกเดินทางจากประเทศไทย สู่ดูไบ โดยเที่ยวบิน EK 377
06.00 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
08.40 เดินทางต่อสู่ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยเที่ยวบิน EK 87
13.20 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานโคลเทิน เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง) หลังจากนั้นผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากร

เดินทางถึงท่าอากาศยานโคลเทิน เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง) หลังจากนั้นผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมือง และศุลกากร จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่เมืองชาฟฟ์เฮาเซิน (Schaffhausen) ชมน้ำตกไรน์ (Rhine Fall) น้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปสวยงามและตื่นตาตื่นใจ เกิดจาก แม่น้ำไรน์ทั้งสายไหลผ่านหน้าผากว้าง 150 เมตร จึงเป็นน้ำาตกขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป อิสระให้ท่านได้ชื่นชมความงามของน้ำตกและถ่ายรูปตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองทิทิเซ่(Titisee) เมืองริมทะเลสาปที่ตั้งอยู่ในเขตป่าดำ (Black Forest) ให้ท่านได้อิสระชมความงามของบ้านเรือน ชมทัศนียภาพของทะเลสาบที่มีฉากหลังเป็นป่าสนอยู่บนภูเขา ที่เรียกว่า แบล็กฟอเรสต์ สถานที่อันเป็นต้นกำเนิดนาฬิกากุ๊กกู ให้ท่านได้มีโอกาสชิมเค้กแบล็กฟอเรสอันขึ้นชื่อ ณ เมืองต้นตำรับตามอัธยาศัย และเพลิดเพลินกับการเลือกซื้อสินค้าที่ระลึก หลังจากนนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองไฟร์บูร์ก
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง (ขาหมูเยอรมัน)
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก LIBERTAS ELEMENT PURE หรือเทียบเท่า
วันที่ 3

ไฟร์บูร์ก – ริคเวียร์ - กอลมาร์ - สตราสบูร์ก - ไฟร์บูร์ก

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

เดินทางต่อสู่เมืองริควีร์ (Riquewihr) เมืองในเส้นทางสายไวน์แห่งแคว้นอาลซัสที่มีชื่อเสียงในฝรั่งเศส นั่งรถผ่านชมบริเวณไร่องุ่นที่ปลูกกันตามแนวไหล่เขาที่ลดหลั่นไปมา ก่อนนำท่านเข้าไปเดินเล่นในตัวเมืองเก่าที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด แต่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างสวยงาม บรรยากาศภายในหมู่บ้านจะคล้ายกับเดินเข้าไปเหมือนหลงอยู่ในเมืองแห่งเทพนิยาย เนื่องจากบ้านเกือบทุกหลังจะตกแต่ง และประดับประดาด้วยดอกไม้ ตุ๊กตาหรือของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่น่ารักๆเต็มไปหมด

จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองกอลมาร์ (Colmar) ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของไวน์แห่งแคว้นอาลซัส (Capitale des Vins d'Alsace) เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการอนุรักษ์เมืองให้คงบรรยากาศของเมืองโบราณ โดยเฉพาะในตัวเมืองเก่าที่เรียงรายไปด้วยเรือนไม้เก่าแก่ ร้านค้าสวยงาม โบสถ์ พิพิธภัณฑ์ คริสต์ศาสนสถาน และร้านค้าและที่อยู่ อาศัยที่คงสภาพเหมือนเมืองในยุคกลางได้อย่างดีสุดแห่งหนึ่งในประเทศ เมืองนี้มีคลองตัดไปมา จนได้รับสมญานามว่า “Little Venice” นำท่านถ่ายรูปกับมหาวิหารเซ็นต์มาร์ติน โบสถ์คาทอลิกเก่าแก่ขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากหินสีชมพูทั้งหลัง สร้างขึ้นในราวปี ค.ศ.1234 - 1365 ถือเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองกอลมาร์สร้างด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคที่สวยงามโอ่อ่า
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ เมืองสตราสบูร์ก (Strasbourg) ประเทศฝรั่งเศส เมืองหลวงแห่งแคว้นอัลซาส (Alsace) ที่มี 2 วัฒนธรรม คือฝรั่งเศสและเยอรมนี เนื่องจากผลัดกันอยู่ภายใต้การปกครองของ 2 ประเทศนี้สลับกันไปมา สตราสบูร์ก เป็นเมืองใหญ่มีสถาปัตยกรรมสมัยโบราณเป็นร่องรอยประวัติศาสตร์ให้ชาวเมืองปัจจุบันได้ชื่นชม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ตลาดคริสต์มาส (Christmas Market) โดยตลาดคริสต์มาสของเมืองสตาร์สบูร์กนั้นได้ชื่อว่าเป็นตลาดคริสต์มาสที่เก่าแก่ที่สุดของฝรั่งเศสโดยได้เริ่มมีการจัดมาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ.1570 ทำให้เมืองนี้ได้ชื่อว่าเป็น “เมืองหลวงแห่งตลาดคริสต์มาส” และปัจจุบันยังได้รับการยอมรับกันว่าตลาดคริสต์มาสของเมืองสตาร์สบูร์กเป็นหนึ่งในตลาดคริสต์มาสที่ดีที่สุดในโลก โดยแต่ละปีจะจัดโดยรอบเกาะกรอง ดีล (Grande Île ) เกาะมรดกโลกที่ตั้งอยู่ที่เขตเมืองเก่าของสตาร์สบูร์ก ให้ท่านเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของเทศกาลคริสต์มาส โดยตลอดเทศกาลจะเต็มไปด้วยการประดับไฟตกแต่งเต็มถนน , ต้นคริสต์มาสขนาดยักษ์ , ร้านจำหน่ายสินค้าแฮนด์เมด ร้านจำหน่ายเครื่องประดับตกแต่งบ้าน ของที่ระลึก ขนม และอาหารพื้นเมือง รวมทั้งหมดกว่า 300 ร้าน และที่ห้ามพลาดสำหรับตลาดคริสต์มาสเมืองสตาร์สบูร์กก็คือ “ขนมเพรทเซล” (Pretzel) ขนมพื้นเมืองของแคว้นอัลซาส ทำจากแป้งพาย มีรูปร่างเชือกที่ผูกเป็นปมหรือคล้ายผีเสื้อ ผสมด้วยส่วนผสมชนิดต่างๆ เช่น ชีส น้ำตาล ช็อกโกแลต อบเชย เมล็ดพืช และถั่ว มีรสชาติออกไปทางเค็ม และจะเข้ากันได้ดีอย่างยิ่งเมื่อทานคู่กับเครื่องดื่มที่เป็นสัญลักษณ์ของตลาดคริสต์มาสอย่าง “ไวน์ร้อน” หรือ Mulled wine ไวน์แดงต้มผสมน้ำตาลและเครื่องเทศต่างๆ เช่น โป๊ยกั๊ก เม็ดยี่หร่า อบเชย วานิลลา เปลือกส้ม หรือ เลม่อน มีรสชาติเปรี้ยวและมีกลิ่นของเครื่องเทศ ชาวยุโรปนิยมทานกันในช่วงฤดูหนาว อิสระให้ท่านได้เดินเล่นตลาดคริสต์มาสตามอัธยาศัย

หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองไฟร์บูร์ก
เย็น อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก LIBERTAS ELEMENT PURE หรือเทียบเท่า
วันที่ 4

ไฟร์บูร์ก – ซุก – ลูเซิร์น - เบิร์น

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

จากนั้นเดินทางต่อสู่เมืองซุก (Zug) เมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบที่สวยงามราวกับเทพนิยายตั้งอยู่ทางภาคกลางตอนบนของประเทศ โดยนอกจากความสวยงามของทัศนียภาพแล้ว เมืองนี้ยังมีอัตราการเก็บภาษีที่ค่อนข้างต่ำจึงถือเป็นที่ตากอากาศที่นิยมของเหล่าเศรษฐี คนดังสำคัญระดับโลกมากมายมาเยือน ท่านอาจจะเห็นซูเปอร์คาร์จอดเรียงรายอยู่ 2 ข้างทาง จนเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย ท่านชมเมืองชมหอนาฬิกาเมืองซุก (Clock Tower) แลนด์มาร์กที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมือง ด้วยความสูงของหอถึง 52 เมตรและความโดดเด่น ของหลังคาซึ่งเป็นสีน้ำเงินขาวโดนเด่นตัดกับสีหลังคาสีน้ำตาลของบ้านเมืองสวยงามอย่างยิ่ง นำท่านเข้าชมร้านทำทองที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป (The Oldest house of goldsmiths in Europe) ของครอบครัว Lohri เปิดทำการตั้งแต่สมัยศัตวรรตที่ 16 ภายในตัวอาคารมีการตกแต่งในรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยจักวรรดินโปเลียน มีซุ้มประตูและเสาโรมัน มีรูปปั้นและจิตรกรรมฝาผนัง ด้วยการวาดลายหินอ่อนด้วยมือ ในปี 1971 ได้เปิดร้านนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะล้ำค่าและเครื่องประดับหายาก และบางชิ้นมีเพียงชิ้นเดียวในโลก มีเวลาให้ท่านเดินชื่นชมอาคาร งานศิลปะล้ำค่าและเครื่องประดับหายากแล้ว ในส่วนของ Lohri Store ยังมีนาฬิกาชั้นนำระดับโลกให้ท่านเลือกซื้อเลือกชมอาทิ เช่น Patek Philippe, Franck Muller Cartier , Piaget, Parmigiani Fleurier, Panerai, IWC , Omega, Jaeger-LeCoultre, Blancpain, Tag Heuer ฯลฯ นำท่านเที่ยวชม เมืองลูเซิร์น (Lucerne) เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยทะเลสาบและขุนเขา

นำท่านชมสิงโตหินแกะสลัก (Dying Lion of Lucerne) ที่แกะสลักบนผาหินธรรมชาติ เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงการสละชีพอย่างกล้าหาญของทหารสวิสที่เกิดจากการปฏิวัติในฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1792 ชมสะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) ซึ่งมีความยาวถึง 204 เมตร ทอดข้ามผ่านแม่น้ำรอยส์ (Reuss River) อันงดงามซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น เป็นสะพานไม้ที่มีหลังคาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1333 โดยใต้หลังคาคลุมสะพานมีภาพวาดประวัติศาสตร์ของชาวสวิส ตลอดแนวสะพาน ให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อสินค้าของสวิส เช่น ช็อคโกแลต, เครื่องหนัง, มีดพับ, นาฬิกายี่ห้อดัง อาทิเช่น Rolex, Omega, Tag Heuer เป็นต้น
กลางวัน อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
บ่าย นำท่านเดินทางสู่ กรุงเบิร์น (Bern) เมืองที่ได้รับการยกย่องจากองค์การ UNESCO ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ. 1863 นอกจากนี้เบิร์นยังถูกจัดอันดับอยู่ใน 1 ใน 10 ของเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดของโลก ในปี ค.ศ.2010 อีกด้วย นำท่านชมบ่อหมีสีน้ำตาล (Bear Park) สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเบิร์น นำท่านเดินลัดเลาะสู่ถนนจุงเคอร์นกาสเซ (Junkerngasse) ถนนที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีในย่านเมืองเก่า มีบ้านอาคารสไตล์บาโรกตอนปลาย นำท่านแวะถ่ายรูปกับวิหารเบิร์น (Bern’s Minster) วิหารสไตล์โกธิคที่สูงที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1421 จากนั้นเดินสู่ถนนแครมกัซเซอ (Kramgasse) ทำท่านชมหอนาฬิกาดาราศาสตร์ (Zytglogge) อายุ 800 ปี ที่มี “โชว์” ให้ดูทุกๆ ชั่วโมงในการตีบอกเวลาแต่ละครั้ง นำท่านเดินชมมาร์คกาสเซ (Marktgasse) ที่เต็มไปด้วยร้านดอกไม้และบูติค เป็นย่านที่ปลอดรถยนต์ จึงเหมาะกับการเดินเที่ยวชมอาคารเก่าอายุ 200-300 ปี
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก HOLIDAY INN BERN WESTSIDE หรือเทียบเท่า
วันที่ 5

เบิร์น - ขึ้นสู่ยอดเขาจุงเฟรา – อินเตอร์ลาเคน - เบิร์น

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองกรินเดอวาลด์ (Grindelwald) เมืองตากอากาศที่สวยงาม เพื่อขึ้นกระเช้า Eiger Express สู่สถานี Eigergletscher ให้ท่านได้เพลิดเพลินยนกับทัศนียภาพอันสวยงามของยอดเขาจุงเฟรา หลังจากนั้นนำท่านเดินทางต่อด้วยรถไฟเพื่อขึ้นสู่ สถานีรถไฟจุงเฟรายอร์ค (Jungfraujoch) สถานีรถไฟที่อยู่สูงที่สุดในยุโรป (Top of Europe) โดยเมื่อปี ค.ศ. 2001 องค์การยูเนสโกประกาศให้ยอดเขาจุงเฟราเป็นพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของยุโรป มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 11,333 ฟุตหรือ 3,454 เมตร ระหว่างเส้นทางขึ้นสู่ยอดเขาท่านจะได้ผ่านชมธารน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่ Aletsch Glacier ที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ได้อีกด้วย
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารบนยอดเขา
บ่าย สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางลงจากเขาสู่ เมืองอินเตอร์ลาเกน (Interlaken) อิสระให้ท่านได้ได้เดินเล่นภายในเมือง สัมผัสบรรยากาศ และธรรมชาติแบบสวิตเซอร์แลนด์ หลังจากนนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่เมืองเบิร์น
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก HOLIDAY INN BERN WESTSIDE หรือเทียบเท่า
วันที่ 6

เบิร์น - มองเทรอซ์ - โลซานน์ – เซอร์แมท

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองมองเทรอซ์ (Montreux) เมืองตากอากาศเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา ได้ชื่อว่า “ริเวียร่าของสวิส” ให้ท่านได้ชมความสวยงามของทิวทัศน์ บ้านเรือน ริมทะเลสาบ นำท่านชมปราสาทชิลยอง (Chillon castle) โดยปราสาทแห่งนี้ เป็นปราสาทโบราณอายุกว่า 800 ปี สร้างขึ้นบนเกาะหินริมทะเลสาบเจนีวา ตั้งแต่ยุคโรมันเรืองอำนาจโดยราชวงศ์ SAVOY โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมการเดินทางของนักเดินทางและขบวนสินค้าที่จะสัญจรผ่านไปมาจากเหนือสู่ใต้หรือจากตะวันตกสู่ตะวันออกของสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากเป็นเส้นทางเดียวที่ไม่ต้องเดินทางข้ามเทือกเขาสูงชัน

ปราสาทแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนด่านเก็บภาษีซึ่งเอาเปรียบชาวสวิสมานานนับร้อยปี นำท่านเที่ยวชม เมืองโลซานน์ เมืองที่เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่มีเสน่ห์โดยธรรมชาติมากที่สุดเมืองหนึ่งของสวิส และมีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ในสมัยที่ชาวโรมันมาตั้งหลักแหล่งอยู่บริเวณริมฝั่งทะเลสาบที่นี่ เมืองโลซานน์มีความสวยงามโดยธรรมชาติ ทิวทัศน์ที่สวยงาม และอากาศที่ปราศจากมลพิษ จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาพักผ่อนตากอากาศที่นี่ เมืองนี้ยังเป็นเมืองที่มีความสำคัญสำหรับชาวไทย เนื่องจากเป็นเมืองที่ในหลวงรัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 เมื่อทรงพระเยาว์ ทรงเคยประทับและทรงศึกษาที่เมืองแห่งนี้อีกด้วย นำท่านชมศาลาไทยเฉลิมพระเกียรติ ที่สร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และรัฐบาลไทยได้ส่งไปตั้งในสวนสาธารณะของเมืองโลซานน์
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน
บ่าย สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองทาช Tasch เพื่อนำท่านนั่งรถไฟชัตเติ้ลเข้าสู่เซอร์แมท Zermatt เมืองแห่งสกีรีสอร์ท ยอดนิยมที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากเป็นเมืองที่ปลอดมลพิษทางอากาศเพราะยานพาหนะในเมืองไม่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แต่ใช้แบตเตอรี่เท่านั้น และยังมีฉากหลังของตัวเมืองเป็นยอดเขาแมททอร์ฮอร์น (Matterhorn) ที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาที่มีรูปทรงสวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์
เย็น อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
ที่พัก นำท่านเข้าสู่ที่พัก GORNERGRAT DORF หรือเทียบเท่า ** ในกรณีห้องพักเมืองเซอร์แมตเต็มจะเปลี่ยนไปนอนเมืองข้างเคียงแทน **
วันที่ 7

เซอร์แมท - โกล เดอ ปิ ยง - ขึ้นสู่ยอดเขากลาเซียร์ 3000 - เจนีวา - สนามบิน

เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านขึ้นกระเช้ายักษ์สู่ ยอดเขากลาเซียร์ 3000 (Glacier 3000) ยอดเขาที่มีความสูง 3,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ให้ท่านได้รับชมทัศนียภาพอันสวยงามกว้างไกลสุดสายตาของเทือกเขาแอลป์

ให้ท่านได้ท้าทายความสูงโดยการเดินบน "The Peak Walk by Tissot" สะพานแขวนที่มีความยาว 107 เมตร ข้ามหน้าผาที่ระดับความสูง 3,000 ซึ่งสามารถมองเห็นวิวยอดเขาต่างๆ ของสวิตเซอร์แลนด์อย่าง จุงเฟรา, แมทเทอร์ฮอร์น และมองบลองก์ ได้อย่างชัดเจน
กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง

นำท่านเดินต่อสู่ เมืองเจนีวา (Geneva) นำชมเมืองที่เป็นศูนย์กลางการประชุมนานาชาติ เมืองที่ตั้งองค์การสากลระดับโลก อาทิ องค์การการค้าโลก, กาชาดสากล, แรงงานสากล ฯลฯ ให้ท่านได้ถ่ายรูปกับน้ำพุเจทโด (Jet d'eau) ที่ฉีดสายน้ำพุ่งสูงขึ้นไปในอากาศถึง 390 ฟุต (เปิดเฉพาะวันอากาศดี) และถ่ายรูปกับนาฬิกาดอกไม้ (The Flower Clock) สัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองเจนีวา
17.00 น. ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติเจนีวา เพื่อทำคืนภาษี (Tax Refund) และมีเวลาช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษี (Duty Free) ภายในสนามบิน
21.20 น. ออกเดินทางสู่ ดูไบ โดยสายการบิน Emirates (EK) เที่ยวบิน EK 84
*** คณะที่เดินทางวันที่ 21 ตุลาคม ออกเดินทางสู่ดูไบ เวลา 20.40 น. ถึงท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ เวลา 06.05 น. ***
วันที่ 8

ดูไบ - กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ)

05.50 น. เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่อง
09.40 น. ออกเดินทางกลับสู่ ประเทศไทย โดยสายการบิน Emirates (EK) เที่ยวบิน EK 372 *** คณะที่เดินทาง วันที่ 21 ตุลาคม / ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ เวลา 09.30 น. ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 18.40 น. ***
19.15 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ
มื้ออาหาร
วันที่ เช้า กลางวัน ค่ำ
1
2
3
4
5
6
7
8
รายละเอียดและเงื่อนไข
  1. ชำระเงินมัดจำท่านละ 40,000 บาท + ค่าวีซ่า 5,900 บาท (ค่ามัดจำ + ค่าวีซ่า ในกรณีที่ต้องการให้บริษัทยื่นวีซ่าให้)

***ในกรณีที่ต้องการให้บริษัทยื่นวีซ่าให้ ค่าวีซ่าจะต้องชำระเข้ามาพร้อมค่ามัดจำ***

  1. ส่งสำเนาหน้าพาสปอร์ตของผู้ที่เดินทาง ที่มีอายุการใช้งานไม่น้อยกว่า 6 เดือน เพื่อทำการจองคิวยื่นวีซ่า ภายใน 3 วันนับจากวันจอง หากไม่ส่งสำเนาหน้าพาสปอร์ตทางบริษัทขออนุญาติยกเลิกการจองทัวร์โดยอัตโนมัติ
  2. เมื่อได้รับการยืนยันว่ากรุ๊ปออกเดินทางได้ ลูกค้าจัดเตรียมเอกสารให้การขอวีซ่าได้ทันที
  3. หากท่านที่ต้องการออกตั๋วโดยสารภายในประเทศ (กรณีลูกค้าอยู่ต่างจังหวัด) ให้ท่านติดต่อเจ้าหน้าที่ก่อนออกบัตรโดยสารทุกครั้ง หากออกบัตรโดยสารโดยมิแจ้งเจ้าหน้าที่ ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่รับผิดชอบ ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
  4. การยื่นวีซ่าในแต่ละสถานทูตมีการเตรียมเอกสาร และมีขั้นตอนการยื่นวีซ่าไม่เหมือนกัน ทั้งแบบหมู่คณะและยื่น รายบุคคล (แสดงตน) ท่านสามารถสอบถามข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนการจองได้จากทางเจ้าหน้าที่
  5. หากในคณะของท่านมีผู้ต้องการดูแลพิเศษ นั่งรถเข็น (Wheelchair), เด็ก, ผู้สูงอายุ, มีโรคประจำตัว หรือไม่สะดวกใน การเดินทางท่องเที่ยวในระยะเวลาเกินกว่า 4-5 ชั่วโมงติดต่อกัน ท่านและครอบครัวต้องให้การดูแลสมาชิกภายในครอบครัวของท่านเอง เนื่องจากการเดินทางเป็นหมู่คณะ หัวหน้าทัวร์มีความจำเป็นต้องดูแลคณะทัวร์ทั้งหมด
  1. ค่าตั๋วเครื่องบิน ชั้นประหยัด ( Economy Class) ที่ระบุวันเดินทางไปกลับพร้อมคณะ (ในกรณีมีความประสงค์อยู่ต่อ จะต้องไม่เกินจำนวนวัน และอยู่ภายใต้เงื่อนไขของสายการบิน)
  2. ค่าภาษีสนามบินทุกแห่งตามรายการ
  3. ค่ารถโค้ชปรับอากาศนำเที่ยวตามรายการ
  4. ค่าห้องพักในโรงแรมตามที่ระบุในรายการหรือเทียบเท่า
  5. ค่าอาหารตามที่ระบุในรายการ
  6. ค่าเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวตามรายการ
  7. ค่าประกันสุขภาพและอุบัติเหตุ วงเงินสูงสุด 3,000,000 บาท (เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด ความคุ้มครองเป็นตามกรมธรรม์ประกันภัย)
  1. ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% (เฉพาะค่าบริการ)
  1. ค่าธรรมเนียมการจัดทำหนังสือเดินทาง
  2. ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิเช่น ค่าเครื่องดื่มที่สั่งพิเศษ, ค่าโทรศัพท์, ค่าซักรีด, ค่าธรรมเนียมหนังสือเดินทาง, ค่าน้ำหนักเกินจากทางสายการบินกำหนดเกินกว่า 30 กก. , ค่ารักษาพยาบาล กรณีเกิดการเจ็บป่วยจากโรคประจำตัว, ค่ากระเป๋าเดินทางหรือของมีค่าที่สูญหายในระหว่างการเดินทาง เป็นต้น
  3. ค่าธรรมเนียมน้ำมันและภาษีสนามบิน ในกรณีที่สายการบินมีการปรับขึ้นราคา
  4. ค่าบริการยกกระเป๋าในโรงแรม ซึ่งท่านจะต้องดูแลกระเป๋าและทรัพย์สินด้วยตัวท่านเอง
  5. ค่าธรรมเนียมวีซ่าประเทศสวิตเซอร์แลนด์ รวมค่าบริการยื่นวีซ่า (5,900.-บาท)
  6. ค่าทิปพนักงานขับรถ (12 CHF /ต่อท่าน)
  7. ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ที่ดูแลคณะจากเมืองไทย 24 CHF /ต่อท่าน)