กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ)
*** คณะที่เดินทาง วันที่ 7, 15, 21 ตุลาคม นัดหมายเวลา 22.30 น. เดินทางโดยเที่ยวบิน EK 385 / ออกเดินทางจากประเทศไทย เวลา 01.35 น. ถึงท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ เวลา 04.45 น. ***
ดูไบ - ซูริค – โบสถ์ฟรอมุนสเตอร์ – จัตุรัสปาราเดพลาทซ์ – เมืองเก่าซูริค
นำท่านเที่ยวชม เมืองซูริค (Zurich) เมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ นำท่านถ่ายรูปกับโบสถ์ฟรอมุนสเตอร์ (Fraumunster abbey) สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 853 โดยกษัตริย์เยอรมันหลุยส์ ใช้เป็นสำนักแม่ชีที่มีกลุ่มหญิงสาวชนชั้นสูงจากทางตอนใต้ของเยอรมันอาศัยอยู่ นำท่านสู่จัตุรัสปาราเดพลาทซ์ (Paradeplatz) เป็นจัตุรัสเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 17 ปัจจุบันเป็นชุมทางรถรางที่สำคัญของเมืองและยังเป็นศูนย์กลางการค้าของย่านธุรกิจ ธนาคาร สถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ อิสระให้ท่านได้เดินชมเมือง ถ่ายรูปและเลือกซื้อของที่ระลึกตามอัธยาศัย
ซูริค - ซุก – ขึ้นยอดพิลาตุส – ล่องเรือทะเลสาบลูเซิร์น - ลูเซิร์น
จากนั้นเดินทางต่อสู่เมืองซุก (Zug) เมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบที่สวยงามราวกับเทพนิยายตั้งอยู่ทางภาคกลางตอนบนของประเทศ โดยนอกจากความสวยงามของทัศนียภาพแล้ว เมืองนี้ยังมีอัตราการเก็บภาษีที่ค่อนข้างต่ำจึงถือเป็นที่ตากอากาศที่นิยมของเหล่าเศรษฐี คนดังสำคัญระดับโลกมากมายมาเยือน ท่านอาจจะเห็นซูเปอร์คาร์จอดเรียงรายอยู่ 2 ข้างทาง จนเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย ท่านชมเมืองชมหอนาฬิกาเมืองซุก (Clock Tower) แลนด์มาร์กที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมือง ด้วยความสูงของหอถึง 52 เมตรและความโดดเด่น ของหลังคาซึ่งเป็นสีน้ำเงินขาวโดนเด่นตัดกับสีหลังคาสีน้ำตาลของบ้านเมืองสวยงามอย่างยิ่ง นำท่านเข้าชมร้านทำทองที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป (The Oldest house of goldsmiths in Europe) ของครอบครัว Lohri เปิดทำการตั้งแต่สมัยศัตวรรตที่ 16 ภายในตัวอาคารมีการตกแต่งในรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยจักวรรดินโปเลียน มีซุ้มประตูและเสาโรมัน มีรูปปั้นและจิตรกรรมฝาผนัง ด้วยการวาดลายหินอ่อนด้วยมือ ในปี 1971 ได้เปิดร้านนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะล้ำค่าและเครื่องประดับหายาก และบางชิ้นมีเพียงชิ้นเดียวในโลก มีเวลาให้ท่านเดินชื่นชมอาคาร งานศิลปะล้ำค่าและเครื่องประดับหายากแล้ว ในส่วนของ Lohri Store ยังมีนาฬิกาชั้นนำระดับโลกให้ท่านเลือกซื้อเลือกชมอาทิ เช่น Patek Philippe, Franck Muller Cartier , Piaget, Parmigiani Fleurier, Panerai, IWC , Omega, Jaeger-LeCoultre, Blancpain, Tag Heuer ฯลฯ
จากนั้นนำท่านขึ้นสู่ ยอดเขาพิลาทุส (Pilatus) ฉายาเจ้ามังกรแดง ให้ท่านได้ นั่งรถไฟไต่เขาฟันเฟืองที่ชันที่สุดในโลก (45องศา) (World Steepest Cog Wheel Railway) ซึ่งเขาพิลาทุสได้ตั้งอยู่ตอนกลางของสวิตเซอร์แลนด์ มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,132 เมตร ซึ่งรถไฟไต่เขานี้ เปิดมาตั้งแต่ปี 1889 โดยใช้หัวรถจักรไอน้ำในการขับเคลื่อน ส่วนในปัจจุบันใช้เป็นระบบไฟฟ้า วิวจากยอดเขาท่านจะได้ชมความงามของเทือกเขาที่สุดสวยงาม ได้ชมวิวทะเลสาบลูเซิร์น (Luzern Lake) จากมุมที่สวยที่สุดจากบนยอดเขา สำหรับยอดเขาพิลาตุสนั้นเป็นหนึ่งในยอดเขาที่มีทัศนียภาพที่สวยงามที่สุดในเขตเทือกเขาแอลป์ โดยบนยอดเขา ท่านจะได้เห็นทัศนียภาพแบบพาโนรามาของเทือกเขาแอลป์ ทะเลสาบลูเซิร์น และเมืองต่างๆโดยรอบ ในวันที่อากาศแจ่มใส จะสามารถมองเห็นทิวทัศน์แบบพาโนรามาของยอดเขาอัลไพน์ได้กว่า 73 ยอดเลยทีเดียว โดยยอดเขาแห่งนี้ได้ชื่อว่าเป็นยอดเขามังกรแห่งสวิส ซึ่งมาจากตำนานใน ศตวรรษที่ 14-15 ที่มีชาวนาคนหนึ่งได้เห็นมังกรบินมาจากยอดเขาริกิและมังกรได้ปล่อยหินมาก้อนหนึ่งบนยอดเขาพิลาตุส และเชื่อกันว่าหินก้อนนี้สามารถรักษาโรคต่างๆได้ และคำว่าพิลาตุสนั้นมาจาก ปอนติอุส พิลาทุส (Pontius Pilatus) ผู้สั่งให้ตรึงพระเยซูคริสต์บนไม้กางเขนในสมัยต้นคริสต์ศักราช โดยนอกจากทัศนียภาพอันงดงามแล้วนั้นบนยอดเขาพิลาตุส ยังมีกิจกรรมมากมายหลายๆอย่างให้ทำ ซึ่งจะเปลี่ยนไปตามแต่ฤดูกาล อาทิ เช่น การเล่น Tabogan Run , การเล่นสกี , สโนว์บอร์ด หรือการขี้จักรยาน (ค่ากิจกรรมบางอย่างต้องจ่ายเพิ่ม)
นำท่านเที่ยวชม เมืองลูเซิร์น (Lucerne) เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยทะเลสาบและขุนเขา นำท่านชมสิงโตหินแกะสลัก (Dying Lion of Lucerne) ที่แกะสลักบนผาหินธรรมชาติ เพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงการสละชีพอย่างกล้าหาญของทหารสวิสที่เกิดจากการปฏิวัติในฝรั่งเศสเมื่อปี ค.ศ.1792 ชมสะพานไม้ชาเปล (Chapel Bridge) ซึ่งมีความยาวถึง 204 เมตร ทอดข้ามผ่านแม่น้ำรอยส์ (Reuss River) อันงดงามซึ่งเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเมืองลูเซิร์น เป็นสะพานไม้ที่มีหลังคาที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1333 โดยใต้หลังคาคลุมสะพานมีภาพวาดประวัติศาสตร์ของชาวสวิส ตลอดแนวสะพาน ให้ท่านได้อิสระเลือกซื้อสินค้าของสวิส เช่น ช็อคโกแลต, เครื่องหนัง, มีดพับ, นาฬิกายี่ห้อดัง อาทิเช่น Rolex, Omega, Tag Heuer เป็นต้น
ลูเซิร์น – ทะเลสาบเบรียนซ์ – ขึ้นเขาฮาร์เดอร์คุม – อินเตอร์ลาเคน
นำท่านเดินทางสู่ทะเลสาบเบรียนซ์ (Brienz Lake) วิวสวยอีกแห่งของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ชมความสวยงามระหว่างทางกันบ้าง หมู่บ้าน และ เมืองน่ารัก หลายที่ตั้งอยู่ติดกับริมทะเลสาบ ตามรอยซีรี่ย์เรื่องดังของเกาหลีอย่าง Crash Landing on you
จากนั้นนำท่าน นั่งรถรางไฟฟ้า จากสถานี Harderbahn ขึ้นสู่ ยอดเขาฮาร์เดอร์ (Harder Klum) ยอดเขาที่ตั้งอยู่เหนือเมืองอินเตอร์ลาเคน ที่มีความสูง 1,322 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
อินเตอร์ลาเคน - กรินเดอร์วาร์ล - กระเช้า Eiger Express และ รถไฟสู่ยอดเขาจุงเฟรา - เบิร์น
นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองกรินเดอวาลด์ (Grindelwald) เมืองตากอากาศที่สวยงาม เพื่อขึ้นกระเช้า Eiger Express สู่สถานี Eigergletscher ให้ท่านได้เพลิดเพลินยนกับทัศนียภาพอันสวยงามของยอดเขาจุงเฟรา หลังจากนั้นนำท่านเดินทางต่อด้วยรถไฟเพื่อขึ้นสู่ สถานีรถไฟจุงเฟรายอร์ค (Jungfraujoch) สถานีรถไฟที่อยู่สูงที่สุดในยุโรป (Top of Europe) โดยเมื่อปี ค.ศ. 2001 องค์การยูเนสโกประกาศให้ยอดเขาจุงเฟราเป็นพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติแห่งแรกของยุโรป มีความสูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 11,333 ฟุตหรือ 3,454 เมตร ระหว่างเส้นทางขึ้นสู่ยอดเขาท่านจะได้ผ่านชมธารน้ำแข็งที่มีขนาดใหญ่ Aletsch Glacier ที่ยาวที่สุดในเทือกเขาแอลป์ได้อีกด้วย
เบิร์น - โกล เดอ ปิ ยง – ขึ้นสู่ยอดเขากลาเซียร์ 3000 – เซอร์แมท
นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองโกล เดอ ปิยง (Col De Pillon) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมืองที่ตั้งของสถานีกระเช้าไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่จุผู้โดยสารได้ถึง 125 คน
นำท่านขึ้นกระเช้ายักษ์สู่ ยอดเขากลาเซียร์ 3000 (Glacier 3000) ยอดเขาที่มีความสูง 3,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ให้ท่านได้รับชมทัศนียภาพอันสวยงามกว้างไกลสุดสายตาของเทือกเขาแอลป์ ให้ท่านได้ท้าทายความสูงโดยการเดินบน "The Peak Walk by Tissot" สะพานแขวนที่มีความยาว 107 เมตร ข้ามหน้าผาที่ระดับความสูง 3,000 ซึ่งสามารถมองเห็นวิวยอดเขาต่างๆ ของสวิตเซอร์แลนด์อย่าง จุงเฟรา, แมทเทอร์ฮอร์น และมองบลองก์ ได้อย่างชัดเจน
เซอร์แมท - มองเทรอซ์ - โลซานน์ - เจนีวา - สนามบิน
นำท่านเดินทางสู่ เมืองมองเทรอซ์ (Montreux) เมืองตากอากาศเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวา ได้ชื่อว่า “ริเวียร่าของสวิส” ให้ท่านได้ชมความสวยงามของทิวทัศน์ บ้านเรือน ริมทะเลสาบ นำท่านชมภายนอกปราสาทชิลยอง (Chillon castle) โดยปราสาทแห่งนี้ เป็นปราสาทโบราณอายุกว่า 800 ปี สร้างขึ้นบนเกาะหินริมทะเลสาบเจนีวา ตั้งแต่ยุคโรมันเรืองอำนาจโดยราชวงศ์ SAVOY โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมการเดินทางของนักเดินทางและขบวนสินค้าที่จะสัญจรผ่านไปมาจากเหนือสู่ใต้หรือจากตะวันตกสู่ตะวันออกของสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากเป็นเส้นทางเดียวที่ไม่ต้องเดินทางข้ามเทือกเขาสูงชัน ปราสาทแห่งนี้จึงเปรียบเสมือนด่านเก็บภาษีซึ่งเอาเปรียบชาวสวิสมานานนับร้อยปี นำท่านเที่ยวชม เมืองโลซานน์ เมืองที่เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่มีเสน่ห์โดยธรรมชาติมากที่สุดเมืองหนึ่งของสวิส และมีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ในสมัยที่ชาวโรมันมาตั้งหลักแหล่งอยู่บริเวณริมฝั่งทะเลสาบที่นี่ เมืองโลซานน์มีความสวยงามโดยธรรมชาติ ทิวทัศน์ที่สวยงาม และอากาศที่ปราศจากมลพิษ จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาพักผ่อนตากอากาศที่นี่ เมืองนี้ยังเป็นเมืองที่มีความสำคัญสำหรับชาวไทย เนื่องจากเป็นเมืองที่ในหลวงรัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 เมื่อทรงพระเยาว์ ทรงเคยประทับและทรงศึกษาที่เมืองแห่งนี้อีกด้วย
จากนั้นนำท่านชม สวนสาธารณะที่มีรูปปั้นลิง 3 ตัว ปิดหู ปิดปาก ปิดตา อันเป็นสถานที่ทรงโปรดของในหลวงเมื่อทรงพระเยาว์ นำท่านชมศาลาไทยเฉลิมพระเกียรติ ที่สร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และรัฐบาลไทยได้ส่งไปตั้งในสวนสาธารณะของเมืองโลซานน์
นำท่านเดินต่อสู่ เมืองเจนีวา (Geneva) นำชมเมืองที่เป็นศูนย์กลางการประชุมนานาชาติ เมืองที่ตั้งองค์การสากลระดับโลก อาทิ องค์การการค้าโลก, กาชาดสากล, แรงงานสากล ฯลฯ ให้ท่านได้ถ่ายรูปกับน้ำพุเจทโด (Jet d'eau) ที่ฉีดสายน้ำพุ่งสูงขึ้นไปในอากาศถึง 390 ฟุต (เปิดเฉพาะวันอากาศดี) และถ่ายรูปกับนาฬิกาดอกไม้ (The Flower Clock) สัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองเจนีวา
*** คณะที่เดินทางวันที่ 21 ตุลาคม ออกเดินทางสู่ดูไบ เวลา 20.40 น. ถึงท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ เวลา 06.05 น. ***
ดูไบ - กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ)
*** คณะที่เดินทาง วันที่ 13 กันยายน เดินทางโดยเที่ยวบิน EK 370 / ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ เวลา 09.00 น. ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 18.25 น. ***
*** คณะที่เดินทาง วันที่ 21 ตุลาคม / ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ เวลา 09.30 น. ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 18.40 น. ***