กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ) – ดูไบ
ดูไบ – แฟรงค์เฟิร์ต – ไฮเดลเบิร์ก – เข้าชมปราสาทไฮเดลเบิร์ด - สตราสบูร์ก
หลังจากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ตัว เมืองแฟรงก์เฟิร์ต (Frankfurt) ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและพาณิชย์ที่สำคัญของเยอรมนี รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการธนาคารการเงินและการค้าหุ้นที่สำคัญของประเทศ เดินทางผ่านชมสถานีรถไฟแฟรงค์เฟิร์ต (Frankfurt (Main) Hauptbahnhof / Frankfurt Central Station) ซึ่งถือได้ว่าเป็นสถานีรถไฟต้นแบบของหัวลำโพงประเทศไทย ครั้งเมื่อคราวเสด็จประพาสยุโรปของรัชกาลที่ 5 นำชมจัตุรัสโรเมอร์ (Romerberg) ซึ่งเป็นจัตุรัสที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง ด้านข้างก็คือ THE ROMER หรือ Frankfurt City Hall หรือศาลาว่าการเมือง ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของจัตุรัสโรเมอร์ จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองไฮเดลเบิร์ก ( Heidelberg) เป็นเมืองที่สุดแสนโรแมนติก ตั้งอยู่บริเวณฝั่งแม่น้ำเน็กคาร์ (Neckar River) อดีตเมืองศูนย์กลางการศึกษาที่สำคัญของเยอรมัน เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์ก ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของเยอรมัน ด้วยความสวยงามของเมืองนี้ทำให้มีนักท่องเที่ยวนับล้านคนในแต่ละปีต้องมาเยือนเมืองแห่งนี้ แล้วนำท่านผ่านชมย่านการค้าและแหล่งรวมของนักศึกษา
นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองสตราสบูร์ก (Strasbourg) ประเทศฝรั่งเศส เมืองหลวงแห่งแคว้นอัลซาส (Alsace) ที่มี 2 วัฒนธรรม คือฝรั่งเศสและเยอรมนี เนื่องจากผลัดกันอยู่ภายใต้การปกครองของ 2 ประเทศนี้สลับกันไปมา สตราสบูร์ก เป็นเมืองใหญ่มีสถาปัตยกรรมสมัยโบราณเป็นร่องรอยประวัติศาสตร์ให้ชาวเมืองปัจจุบันได้ชื่นชม
นำท่านชมย่านริมน้ำฝรั่งเศสน้อย หรือ La Petite France หรือ Little France เป็นย่านเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ที่เกาะใหญ่กร็องดีล (Grande Île) บนถนน Rue des Moulins พื้นที่ประวัติศาสตร์แห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยแม่น้ำอิล (River III) ทั้งสี่ด้าน นับว่าเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของเมืองสตราสบูร์กที่มีชื่อเสียงอย่างมาก เป็นหนึ่งในจุดสำคัญที่สุดของเมืองนี้ ชมความงดงามของสถาปัตยกรรมบ้านเรือนริมน้ำต่างๆ อีกทั้งยังได้รับการลงทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO
สตราสบูร์ก – ริคเวียร์ - กอลมาร์ – หมู่บ้านเอกีเชม – ทิทิเซ่ – ไฟร์บูร์ก
นำท่านเดินทางสู่ เมืองริควีร์ (Riquewihr) เมืองในเส้นทางสายไวน์แห่งแคว้นอัลซาสที่มีชื่อเสียงในฝรั่งเศส นั่งรถผ่านชมบริเวณไร่องุ่นที่ปลูกกันตามแนวไหล่เขาที่ลดหลั่นไปมา ก่อนนำท่านเข้าไปเดินเล่นในตัวเมืองเก่าที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด แต่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างสวยงาม บรรยากาศภายในหมู่บ้านจะคล้ายกับเดินเข้าไปเหมือนหลงอยู่ในเมืองแห่งเทพนิยาย เนื่องจากบ้านเกือบทุกหลังจะตกแต่ง และประดับประดาด้วยดอกไม้ ตุ๊กตาหรือของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่น่ารักๆ เต็มไปหมด
นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองกอลมาร์ (Colmar) ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของไวน์แห่งแคว้นอาลซัส (Capitale des Vins d'Alsace) เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการอนุรักษ์เมืองให้คงบรรยากาศของเมืองโบราณ โดยเฉพาะในตัวเมืองเก่าที่เรียงรายไปด้วยเรือนไม้เก่าแก่ ร้านค้าสวยงาม โบสถ์ พิพิธภัณฑ์ คริสต์ศาสนสถาน และร้านค้าและที่อยู่ อาศัยที่คงสภาพเหมือนเมืองในยุคกลางได้อย่างดีสุดแห่งหนึ่งในประเทศ เมืองนี้มีคลองตัดไปมาจนได้รับสมญานามว่า “Little Venice” นำท่านถ่ายรูปกับมหาวิหารเซ็นต์มาร์ติน (St. Martin church) โบสถ์คาทอลิกเก่าแก่ขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากหินสีชมพูทั้งหลัง สร้างขึ้นในราวปี ค.ศ.1234 - 1365 ถือเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองกอลมาร์สร้างด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคที่สวยงามโอ่อ่า
นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองทิทิเซ่ (Titisee) เมืองริมทะเลสาปที่ตั้งอยู่ในเขตป่าดำ (Black Forest) ให้ท่านได้อิสระชมความงามของบ้านเรือน นำท่านชมทัศนียภาพของป่าสนอยู่บนภูเขา ที่เรียกว่า “แบล็ค ฟอเรสต์” สถานที่อันเป็นต้นกำเนิดของนาฬิกากุ๊กกู (Cuckoo Clock) นาฬิกาติดผนังสไตล์วินเทจยอดฮิตของผู้คนทั่วโลก
หลังจากนั้นนำท่านเดินทางข้ามพรหมแดนเยอรมนีสู่ เมืองไฟร์บูรก์ (Freiburg)
ไฟร์บูร์ก - ซุก – แองเกิลเบิร์ก - ขึ้นกระเช้าสู่ยอดเขาทิตลิส - ลูเซิร์น - อินเตอร์ลาเคน - เบิร์น
นำท่านเดินทางสู่ เมืองซุก (Zug) เมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบที่สวยงามราวกับเทพนิยายตั้งอยู่ทางภาคกลางตอนบนของประเทศ โดยนอกจากความสวยงามของทัศนียภาพแล้ว เมืองนี้ยังมีอัตราการเก็บภาษีที่ค่อนข้างต่ำจึงถือเป็นที่ตากอากาศที่นิยมของเหล่าเศรษฐี คนดังสำคัญระดับโลกมากมายมาเยือน ท่านอาจจะเห็นซูเปอร์คาร์จอดเรียงรายอยู่ 2 ข้างทาง จนเป็นเรื่องธรรมดาไปเลย นำท่านชมหอนาฬิกาเมืองซุก (Clock Tower) แลนด์มาร์กที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมืองด้วยความสูงของหอถึง 52 เมตรและความโดดเด่น ของหลังคาซึ่งเป็นสีน้ำเงินขาวโดนเด่นตัดกับสีหลังคาสีน้ำตาลของบ้านเมืองสวยงามอย่างยิ่ง นำท่านเข้าชมร้านทำทองที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป (The Oldest house of goldsmiths in Europe) ของครอบครัว Lohri เปิดทำการตั้งแต่สมัยศัตวรรตที่ 16 ภายในตัวอาคารมีการตกแต่งในรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยจักรวรรดินโปเลียน มีซุ้มประตูและเสาโรมัน มีรูปปั้นและจิตรกรรมฝาผนัง ด้วยการวาดลายหินอ่อนด้วยมือ ในปี 1971 ได้เปิดร้านนี้เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะล้ำค่าและเครื่องประดับหายาก และบางชิ้นมีเพียงชิ้นเดียวในโลก มีเวลาให้ท่านเดินชื่นชมอาคาร งานศิลปะล้ำค่าและเครื่องประดับหายากแล้ว ในส่วนของ Lohri Store ยังมีนาฬิกาชั้นนำระดับโลกให้ท่านเลือกซื้อเลือกชมมากมาย
นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองแองเกิลเบิร์ก (Engelberg) เพื่อขึ้นกระเช้า “Titlis Rotair” กระเช้าลอยฟ้าทันสมัยระบบใหม่ล่าสุด ที่สามารถหมุนได้ 360 องศารอบตัวเอง ท่านสามารถรับชมทัศนียภาพอันตระการตาได้รอบทิศทางตามเส้นทางขึ้นสู่ ยอดเขาทิตลิส (Titlis) จากนั้นนำท่านเข้าชมถ้ำน้ำแข็ง (Ice Grotto) ถ้ำน้ำแข็งที่ไม่เคยละลาย เชิญเพลิดเพลินสนุกสนานกับการเล่นหิมะบนลานสกี สุดแสนประทับใจเป็นอย่างยิ่ง ชมทิวทัศน์ของยอดเขาต่างๆ ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะอันขาวโพลนสร้างความงดงามให้กับขุนเขาเป็นอันมาก มีเวลาให้ท่านได้เดินข้าม "The Titlis Cliff Walk" สะพานแขวนที่ตั้งอยู่สูงที่สุดของทวีปยุโรป ที่ความสูง 3,041 เมตรจากระดับน้ำทะเล สะพานมีความยาว 100 เมตร ท่านจะได้ชมทัศนียภาพที่สวยงามของเทือกเขาแอลป์ อันสวยงามแบบกว้างไกลสุดสายตา (สะพานแขวนอาจจะปิด ในกรณีถ้าสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย) *** สำหรับคณะที่ออกเดินทาง 7-13 พฤศจิกายน 67 จะตรงกับที่ช่วงเขาทิตลิสปิดพอดี โดยขจะเปลี่ยนไปขึ้นเขาริกิแทน ***
นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองอินเตอร์ลาเคน (Interlaken) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบทูน (Lake Thun) และทะเลสาบเบรียนซ์ (Lake Brienz) อิสระให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศและธรรมชาติแบบสวิตเซอร์แลนด์ในเมืองเล็กๆ
หลังจากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ กรุงเบิร์น (Bern)
เบิร์น – กรุยแยร์ - โลซานน์ - แทซ
นำท่านเที่ยวชม กรุงเบิร์น (Bern) เมืองที่ได้รับการยกย่องจากองค์การ UNESCO ให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี ค.ศ. 1863 นอกจากนี้เบิร์นยังถูกจัดอันดับอยู่ใน 1 ใน 10 ของเมืองที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดของโลก ในปี ค.ศ.2010 อีกด้วย นำท่านชมบ่อหมีสีน้ำตาล (Bear Park) สัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเบิร์น นำท่านเดินลัดเลาะสู่ถนนจุงเคอร์นกาสเซ (Junkerngasse) ถนนที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีในย่านเมืองเก่า มีบ้านอาคารสไตล์บาโรกตอนปลาย นำท่านแวะถ่ายรูปกับวิหารเบิร์น (Bern’s Minster) วิหารสไตล์โกธิคที่สูงที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1421 จากนั้นเดินสู่ถนนแครมกัซเซอ (Kramgasse) นำถ่ายรูปกับบ้านไอน์สไตน์ (Einsteinhaus) บ้านเลขที่ 49 ที่อัลเบิร์ตไอน์สไตน์เคยอาศัยอยู่ที่นี่ เมื่อครั้งมาทำงานเป็นผู้ตรวจสอบของสำนักงานสิทธิบัตรของสวิส ช่วงปี ค.ศ.1902-1905 จากนั้นชมหอนาฬิกาดาราศาสตร์ (Zytglogge) อายุ 800 ปี ที่มี “โชว์” ให้ดูทุกๆชั่วโมงในการตีบอกเวลาแต่ละครั้ง นำท่านเดินชมมาร์กาสเซ(Marktgasse) ที่เต็มไปด้วยร้านดอกไม้และบูติค เป็นย่านที่ปลอดรถยนต์ จึงเหมาะกับการเดินเที่ยวชมอาคารเก่าอายุ 200-300 ปี
นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองกรุยแยร์ (Gruyères) เป็นเมืองเล็กๆ ตั้งอยู่กลางหุบเขาทางฝั่งตะวันตกของสวิส มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 800 ปี ตั้งแต่สมัยยุคกลาง เมืองนี้มีชื่อเสียงด้านการทำชีสกรุยแยร์ โดยมีโรงงานชีสชื่อดัง La Maison du Gruyeres ตั้งอยู่ตรงสถานีรถไฟ อิสระให้ท่านได้สัมผัสบรรยากาศและธรรมชาติอันงดงามในเมืองเล็กๆ แห่งนี้
จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองโลซานน์ (Lausanne) เมืองที่ตั้งอยู่ตอนเหนือของทะเลสาบเจนีวา เมืองโลซานน์นับได้ว่าเป็นเมืองที่มีเสน่ห์โดยธรรมชาติมากที่สุดเมืองหนึ่งของสวิส และมีประวัติศาสตร์อันยาวนานมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 ในสมัยที่ชาวโรมันมาตั้งหลักแหล่งอยู่บริเวณริมฝั่งทะเลสาบที่นี่ เมืองโลซานน์มีความสวยงามโดยธรรมชาติ ทิวทัศน์ที่สวยงาม และอากาศที่ปราศจากมลพิษ จึงดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาพักผ่อนตากอากาศที่นี่ เมืองนี้ยังเป็นเมืองที่มีความสำคัญสำหรับชาวไทย เนื่องจากเป็นเมืองที่ในหลวงรัชกาลที่ 8 และรัชกาลที่ 9 เมื่อทรงพระเยาว์ ทรงเคยประทับและทรงศึกษาที่เมืองแห่งนี้อีกด้วย
นำท่านชม สวนสาธารณะเดอน็องตู (Le Denantou) สวนสาธารณะที่มีรูปปั้นลิง 3 ตัว ปิดหู ปิดปาก ปิดตา อันเป็นสถานที่ทรงโปรดของในหลวงเมื่อทรงพระเยาว์ และถ่ายรูปกับ ศาลาไทยเฉลิมพระเกียรติ ที่สร้างขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และรัฐบาลไทยได้ส่งไปตั้งในสวนสาธารณะของเมืองโลซานน์
หลังจากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองแทซ (Tasch)
แทซ - เซอร์แมท – ขึ้นรถไฟฟันเฟืองสู่ยอดเขากรอนเนอร์แกรต - แทซ - มองเทรอซ์ - ซูริค - สนามบิน
นำท่านเดินทางสู่สถานีรถไฟเมืองแทซ (Tasch) เพื่อเดินทางเข้าสู่ เมืองเซอร์แมท (Zermatt) เมืองแห่งสกีรีสอร์ท ยอดนิยมที่ได้รับความนิยมสูง เนื่องจากเป็นเมืองที่ปลอดมลพิษทางอากาศเพราะยานพาหนะในเมืองไม่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แต่ใช้แบตเตอรี่เท่านั้น และยังมีฉากหลังของตัวเมืองเป็นยอดเขาแมททอร์ฮอร์น (Matterhorn) ที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาที่มีรูปทรงสวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์
นำท่านนั่งรถไฟฟันเฟือง สู่ สถานีรถไฟกรอนเนอร์แกรต (Gornergrat railway) เดินทางสู่จุดชมวิวยอดเขากรอนเนอร์แกรตที่ท่านจะได้เห็นทัศนียภาพที่สวยงามของยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์นที่สวยงาม โดยท่านสามารถเดินเท้าสู่บริเวณทะเลสาบที่อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 2,757 เมตร โดยบริเวณทะเลสาบนี้เป็นเงาสะท้อนภาพเขาแมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn's reflect) อันสุดสวยงามยิ่งนัก ( โดยปกติน้ำในทะเลสาบ จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำฝน และ สภาพอากาศ ถ้าช่วงฤดูหนาวทะเลสาบจะกลายเป็นน้ำแข็ง)
**คณะที่เดินทางวันที่ 22 ตุลาคม ออกเดินทาง เวลา 21.50 น. ถึงสนามบินดูไบ เวลา 07.05 น.**
ดูไบ - กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ)
**คณะที่เดินทางวันที่ 20 ตุลาคม ออกเดินทางโดยเที่ยวบิน EK370 เวลา 09.00 น. ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 18.25 น.**
**คณะที่เดินทางวันที่ 22 ตุลาคม ออกเดินทาง เวลา 09.30 น. ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา 18.40 น.**