- สาย LINK CAT 5E คุณสมบัติสูงกว่าสาย CAT 5E ยี่ห้ออื่น ๆ เพราะออกแบบมาเพื่อรองรับ Bandwidth ที่ 350 MHz ซึ่งสายทั่วไปรองรับที่ 100 - 200 MHz และ LINK CAT 6 ULTRA ออกแบบเพื่อรองรับ Bandwidth 600 MHz สูงกว่ามาตรฐานที่ระบุ 250 MHz อีกทั้ง CAT6A มีทั้ง UTP,U/FTP และ F/UTP ที่ Band width 750 MHz สูงมากกว่ามาตรฐาน 500 MHz
- สินค้า LINK เป็นสินค้าที่ผลิตมาเพื่อรองรับตลาดสายสัญญาณระบบ Cabling โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพการใช้งานเป็นหลักดังจะเห็นได้จากหน่วยงานใหญ่ ๆ ในประเทศไทยได้เลือกใช้ เช่น สนามบินสุวรรณภูมิ ศูนย์ราชการจามจุรีสแควร์ เซ็นทรัลเวิลด์ สาย การบินต่าง ๆ ทำเนียบรัฐบาล การไฟฟ้าผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กองทับเรือ ธนาคารทุกธนาคาร บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ล่าสุด การบินไทยและโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ได้ให้ความไว้วางใจผลิตภัณฑ์ CAT 6A ของ LINK อีกด้วย
- เหตุผลที่ LINK เป็นสินค้าคุณภาพสูงสุด ผ่านการรับรอง UL และ INTERTEK แต่สามารถทำราคาได้ย่อมเยากว่ายี่ห้ออื่น เพราะการบริหารกลไกของราคาโดย LINK บวกค่าการตลาดน้อยมากและวิธีสั่งซื้อสินค้าคราวละมาก ๆ เพื่อได้ต้นทุนที่ถูกกว่า
สิ่งที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกใช้สาย CAT 6A
- ไม่ควรมัดสาย CAT 6A ด้วย Cable Tie เพราะสาย CAT 6A เป็นสายที่เปราะบางถ้าใช้ Cable Tie จะมีผลต่อค่าการลดทอนของสัญญาณได้ (Attenuation) ดังนั้นเพื่อให้ประสิทธิภาพดีควรทำสายให้วงกว้างๆ หรือทำเป็นห่วงคล้องสายไว้ก็ได้ (Hook-Any-Loop)
- Packaged รูปแบบของบรรจุภัณฑ์ของ CAT 6A จะเป็น Roll ซึ่งมีความแตกต่างกับ CAT E5 และ CAT6 ที่จะเป็น Pull Box ดังนั้นผู้ใช้งานจะต้องวางแผนทั้งเรื่องการติดตั้ง การจัดเก็บ และการขนส่งด้วย
- เรื่องน้ำหนัก เนื่องจากสาย CAT 6A มีขนาดใหญ่ขึ้นทำให้มีน้ำหนักมากขึ้นกว่าสาย CAT E5 หรือ CAT6 ดังนั้นจึงควรเลือกจำนวนสายให้เหมาะสมกับ Cable Tray โดยจำนวนสายที่มากที่สุดจะไม่เกิน 50 เส้น และเมื่อต้องนำสายหลายขนาดมาใส่ใน Cable Tray ควรเอาสาย CAT 6A กดทับสายเส้นเล็ก
- จะต้องมีรัศมีการโค้งงอที่มากกว่าปกติ ตามมาตรฐานจะมีรัศมีการโค้งงอได้มากที่สุดคือ 4 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางสาย ดังนั้นสายยิ่งมีขนาดโตวงโค้งของการโค้งงอก็จะใหญ่ขึ้น ดังนั้นควรคำนวณเรื่องพื้นที่ด้วย
- ต้องทดสอบมากกว่าปกติทั่วไป เนื่องจากสาย CAT 6A จะรองรับความถี่ได้ถึง 500 MHz ซึ่งสัญญาณที่มีความถี่ตั้งแต่ 350 MHz จะมีการรบกวนข้ามสายสัญญาณ (Alien Crosstalk : AXT)(CAT E5 = 100 MHz ,CAT6 = 250 MHz) ดังนั้นเมื่อต้องรับงานทดสอบจึงต้องเผื่อทั้งเรื่องเวลาและงบประมาณด้วย
CAT 6A ใช้สาย UTP หรือ F/UTP ดีกว่ากัน ?
มาตรฐานสาย UTP หรือ F/UTP จะแบ่งหมวดหมู่ของสายเป็น Category ตามความสามารถในการรองรับความถี่ในการส่งสัญญาณ หรือบางท่านอาจเรียกง่าย ๆ ว่าความเร็วในการส่งสัญญาณ โดยมีหน่วยวัดเป็น MHz ได้แก่ CAT 3 รองรับ 1-16 MHz ; CAT E5 รองรับ 1-100 MHz ; CAT 6 รองรับ 1-250 MHz ; CAT 6A รองรับ 1-500 MHz ; เป็นต้น
ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ต้องการสื่อสารกันด้วยความเร็วที่สูงขึ้นมาก จนทำให้เกิดสนามแม่เหล็กไปรบกวนคู่สายของสายสัญญาณอื่น ๆ ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาโดยง่ายจึงได้ออกแบบให้ใส่ Foil ( screen ) หุ้มสายสัญญาณและเรียกสายสัญญาณว่า F/UTP ( Foil Twisted Pair ) แต่การเพิ่ม Foil หุ้มสายเป็นการเพิ่มต้นทุนของสายสัญญาณ ดังนั้นผู้ผลิตบางรายจึงพยายามออกแบบโครงสร้างของสาย UTP ให้มีคุณสมบัติพิเศษในการป้องกันสนามแม่เหล็กรบกวนโดยอาจต้องตีเกลียวให้แน่นขึ้น ซึ่งทำให้ต้นทุนทองแดงยาวขึ้นและในบางครั้งกรณีต้นทุนโครงสร้างของสาย UTP อาจจะแพงกว่าสาย F/UTP ก็ได้เช่น สาย UTP CAT 6A จะแพงกว่าสาย F/UTP CAT 6A เป็นต้น
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในปัจจุบันคือ โครงสร้างการออกแบบสาย UTP CAT 6A ที่มี PVC Slot รอบสายสัญญาณที่ต้องใช้ต้นทุนการผลิตสูงกว่า CAT 6A F/UTP แต่ต้นทุนของ CONNECTOR ของระบบ UTP System จะมีราคาที่ถูกกว่าระบบ F/UTP อยู่มาก ดังนั้นเมื่อคำนวณต้นทุนสายสัญญาณรวมกับ CONNECTOR จะพบว่าต้นทุนของ UTP System CAT 6A จะถูกกว่า F/UTP System แน่นอนและในอนาคตจะนิยมใช้ UTP มากกว่า F/UTP เพราะใช้งานง่ายกว่าและหาซื้ออุปกรณ์ได้ง่ายกว่า
ความแตกต่างระหว่างสาย CM และ CMR…!
CM และ CMR เป็นมาตรฐานความปลอดภัยทางด้านอัคคีภัยและสภาพแวดล้อม โดย Jacket ของสาย CMR จะมีอัตราหารต้านไฟในแนวดิ่งได้ดีกว่า Jacket ของ CM ดังนั้นสาย CMR จึงสามารถใช้เดินในแนวดิ่งระหว่างชั้น (Riser) ได้ดีกว่าสาย CM แต่หากใช้สาย CM เดินในท่อเหล็กก็จะได้คุณสมบัติด้านความปลอดภัยทางอัคคีภัยที่ไม่แตกต่างกัน ข้อดีของสาย CM ก็คือราคาถูกว่าสาย CMR แต่คุณภาพจะด้อยกว่า CMR ถ้าใช้เดินในแนวดิ่ง
ขอบคุณข้อมูลน่ารู้จาก INTERLINK COMMUNICATION
วันที่: Sat Nov 16 00:25:15 ICT 2024
|
|
|